ในธุรกิจโฮสเทล การสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่น่าประทับใจถือเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้

  โดยเฉพาะ "เตียง" ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักเดินทางต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ โฮสเทลที่ประสบความสำเร็จมักใช้กลยุทธ์การตลาด

  และจิตวิทยาเพื่อสร้างความประทับใจผ่านการออกแบบเตียงที่ดึงดูดใจและเสริมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง

 1. ดีไซน์เตียงที่ตอบโจทย์ความต้องการ

   เตียงโฮสเทลที่ออกแบบอย่างดีสามารถสร้างความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นกันเอง การใช้วัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย

 สีสันที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และการจัดเตียงให้ดูสะอาดเรียบร้อย ล้วนช่วยให้ผู้พักรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

 การใช้จิตวิทยาด้านการออกแบบ (Design Psychology) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เชิญชวน

 เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ

 2. การตลาดเน้นประสบการณ์ส่วนตัว

   การสร้างเนื้อหาสื่อสารที่เน้นไปที่ประสบการณ์ส่วนตัวของลูกค้า เช่น การเน้นย้ำถึงความสบายและความเป็นส่วนตัว

 ที่เตียงโฮสเทลของคุณมอบให้ จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าโฮสเทลของคุณเป็นที่ที่พวกเขาจะได้พักผ่อนจริง ๆ

 การใช้รีวิวจากลูกค้าที่เคยเข้าพัก หรือเนื้อหาเชิงอารมณ์ที่สื่อถึงความสุขในการพักผ่อน

 จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้มีโอกาสจองรู้สึกอยากเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง

 3. ความเป็นส่วนตัวที่สร้างความมั่นใจ

   หนึ่งในจุดที่ลูกค้ามองหาในโฮสเทลคือ "ความเป็นส่วนตัว" การติดตั้งม่านกั้นเตียง ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว

 หรือปลั๊กชาร์จอุปกรณ์ภายในพื้นที่นอน จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายให้ผู้เข้าพัก

 สิ่งนี้เป็นการใช้จิตวิทยาเรื่องพื้นที่ส่วนตัว (Personal Space Psychology) ในการเพิ่มความรู้สึกสบายใจและมั่นคง

 4. เตียงดีช่วยเสริมแบรนด์

   การใช้เตียงที่มีคุณภาพดี ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์โฮสเทล

 การตลาดในยุคใหม่ควรมุ่งเน้นการสื่อสารที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจในรายละเอียด เช่น

 การโปรโมตเตียงนอนที่ใช้ฟูกคุณภาพดี หมอนที่นุ่มสบาย และเครื่องนอนที่สะอาดสะอ้าน

 สิ่งเหล่านี้จะทำให้โฮสเทลของคุณดูมีคุณภาพสูง และสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้าที่กำลังมองหาที่พักที่มีมาตรฐาน

 5. การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experience Marketing)

   การนำเสนอเตียงในโฮสเทลด้วยการตลาดเชิงประสบการณ์สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ใช่แค่การจองเตียงนอน

 แต่เป็นการจอง "ประสบการณ์" ที่คุ้มค่า คุณสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่ให้ลูกค้าเห็นว่า

 เตียงของคุณเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเดินทางที่พวกเขาจะจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 หรือความสะดวกสบายที่เกินคาดหมาย

                                                                           สรุป

  โฮสเทลที่ดีไม่ได้อยู่ที่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับ "ประสบการณ์" ที่ลูกค้าได้รับ

การใช้ทักษะการตลาดและจิตวิทยาในการออกแบบและโปรโมตเตียงโฮสเทลเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ

ช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่ และนำไปสู่การกลับมาพักซ้ำ รวมถึงการบอกต่อแบรนด์ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

        เตียงเหล็กได้รับความนิยมไม่เพียงเพราะความแข็งแรง

 แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 นี่คือเหตุผลที่ทำให้เตียงเหล็กมีผลกระทบทางบวกต่อธรรมชาติ:

 1. อายุการใช้งานยาวนาน

   เตียงเหล็กมีความทนทานมาก เนื่องจากวัสดุที่ใช้ผลิตเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงสูง

 ทำให้เตียงเหล็กไม่แตกหักหรือสึกกร่อนง่ายเหมือนเตียงไม้หรือวัสดุอื่น ๆ อายุการใช้งานอาจยาวนานถึงหลายสิบปี

 การที่ไม่ต้องเปลี่ยนเตียงบ่อยครั้งช่วยลดการสร้างขยะจากเฟอร์นิเจอร์ที่เสียหายหรือหมดสภาพ

 2. การรีไซเคิล

   หนึ่งในข้อดีของเตียงเหล็กคือมันสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% เมื่อหมดอายุการใช้งาน

 โครงสร้างโลหะสามารถถูกนำไปหลอมเพื่อผลิตเป็นสินค้าวัสดุใหม่ ไม่     

 เหมือนเตียงไม้หรือเตียงที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ ซึ่งการรีไซเคิลมีข้อจำกัดมากกว่า

 ช่วยลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบและลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตใหม่

 3. กระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

   อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและโลหะในปัจจุบันมีความก้าวหน้าในการใช้กระบวนการผลิตที่

 ลดการปล่อยมลพิษและลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ วัสดุเหล็กยังมักเป็นผลพลอยได้

 จากการรีไซเคิลเหล็กเก่าทำให้การผลิตเตียงเหล็กใหม่ใช้ทรัพยากรน้อยลงเมื่อเทียบกับการใช้วัสดุใหม่ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้

 4. การบำรุงรักษาน้อยลง ลดการใช้สารเคมี

    เตียงเหล็กไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเท่ากับเตียงไม้ เช่น การเคลือบสารกันแมลง ปลวก หรือการใช้สารเคลือบเงา

 ซึ่งสารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เตียงเหล็กสามารถทำความสะอาดง่ายด้วยการเช็ดคราบฝุ่น

 ไม่ต้องพึ่งพาน้ำยาที่เป็นสารเคมีรุนแรง ช่วยลดการปล่อยมลพิษลงน้ำหรือดิน

 5. ลดการตัดไม้และใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

    การเลือกใช้เตียงเหล็กแทนเตียงไม้มีส่วนช่วยลดการตัดไม้ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เวลานานในการเติบโต

 การใช้เหล็กหรือโลหะช่วยอนุรักษ์ป่าไม้และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

 6. รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ

    เตียงเหล็กมีความยืดหยุ่นในการปรับใช้ซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสีหรือดัดแปลงดีไซน์เพื่อให้เข้ากับห้องใหม่

 ทำให้ไม่จำเป็นต้องทิ้งหรือลงทุนซื้อเตียงใหม่บ่อย ๆ สิ่งนี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตใหม่ได้อีกด้วย

 การเลือกเตียงเหล็กเป็นการลงทุนที่ไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องความทนทานและการใช้งาน

 แต่ยังช่วยให้คุณมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้

"ทำไมเตียงโฮสเทล Defer ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับโฮสเทลของคุณ"

      1. เตียงแข็งแรง ทนทาน ใช้ได้นาน
 เตียง Defer ผลิตจากเหล็กกล่องคุณภาพสูงที่หนาและแข็งแรง

 จึงมั่นใจได้ว่าเตียงจะไม่พังหรือชำรุดง่าย แม้มีการใช้งานอย่างหนักใน

 โฮสเทลที่มีผู้เข้าพักหมุนเวียนบ่อยครั้ง

 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเตียงที่ใช้งานได้นานและลดต้นทุนในการซ่อมบำรุง

      2. มีฟังก์ชั่นเสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย
 เตียง Defer มาพร้อมฟังก์ชั่นเสริมที่เหมาะสำหรับห้องพักโฮสเทล

 เช่น รางม่านที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือบันไดเหล็กที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย

 ทำให้แขกที่มาพักรู้สึกสบายและปลอดภัยมากขึ้น​

      3. ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
 เตียง Defer สามารถปรับขนาดและเลือกสีได้ตามความเหมาะสม

 ของห้องพักหรือดีไซน์ที่ต้องการ

 ทำให้โฮสเทลของคุณดูโดดเด่นและทันสมัย​

      4. มาตรฐานการผลิตที่ไว้วางใจได้
 เตียง Defer ได้รับการผลิตตามมาตรฐาน ISO9001:2015

 ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันคุณภาพและความปลอดภัย

 ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกมั่นใจในการใช้งานเตียง​

      5. บริการที่ครบวงจร
 Defer มีบริการวัดพื้นที่และให้คำปรึกษาฟรี

 รวมถึงการติดตั้งเตียงที่มีคุณภาพ

 ส่งตรงถึงโฮสเทลของคุณ ทำให้เจ้า 

 ของโฮสเทลไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการพื้นที่หรือติดตั้งเอง.

         บทนำ

    การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและการผจญภัย แต่การวางแผนการเดินทางที่ยืดหยุ่นก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย

 หากคุณเป็นนักเดินทางที่ชอบการปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์ โฮสเทลอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ

 บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีของการเลือกพักในโฮสเทลที่ช่วยให้การเดินทางของคุณยืดหยุ่นและเป็นอิสระมากขึ้น

    1. ตัวเลือกการเข้าพักที่ยืดหยุ่น

  โฮสเทลมักมีตัวเลือกการเข้าพักที่ยืดหยุ่นกว่าโรงแรมทั่วไป นักเดินทางสามารถเลือกเข้าพักในระยะเวลาสั้น ๆ

 และมีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางได้ง่ายกว่า นอกจากนี้

 การจองห้องพักในโฮสเทลมักจะไม่ต้องทำการจองล่วงหน้ามากนัก ทำให้คุณสามารถตัดสินใจและปรับเปลี่ยนแผนได้ตามความสะดวก

    2. ราคาไม่แพงและสะดวกในการเปลี่ยนแปลง

  โฮสเทลมักมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าโรงแรมหรูหรา ทำให้การเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางไม่เป็นภาระทางการเงินมากนัก

 หากคุณต้องการอยู่ใน เมืองหนึ่งเป็นระยะเวลานานหรือสั้น โฮสเทลจะมีตัวเลือกที่หลากหลาย

 และสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้

    3. สิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย 

 โฮสเทลหลายแห่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 เช่น ห้องครัวที่ใช้งานได้จริง ทำให้คุณสามารถเตรียมอาหารเองได้ การมีบริการซักรีดภายในที่พัก

 และการมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของการเป็นชุมชน ช่วยให้คุณรู้สึกสะดวกและเป็นมิตร

    4. การพบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักเดินทางคนอื่น 

 การพักในโฮสเทลมักจะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโอกาสให้คุณพบปะกับนักเดินทางคนอื่น ๆ

 การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์กับเพื่อนใหม่สามารถช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำใน

 การเดินทางที่ดีและทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ตามสถานการณ์

    5. การเข้าถึงข้อมูลท้องถิ่นและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์

 เจ้าหน้าที่ของโฮสเทลมักจะมีข้อมูลท้องถิ่นที่ดีและสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์

 ในการสำรวจเมืองหรือพื้นที่ที่คุณไปเยือน พวกเขามักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมหรือ

 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางให้เข้ากับความสนใจและความสะดวกของคุณ

   บทสรุป

 การเลือกพักในโฮสเทลสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการเดินทางของคุณได้มาก

 โฮสเทลไม่เพียงแต่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและตัวเลือกการเข้าพักที่ยืดหยุ่น แต่ยังมอบสิ่งอำนวยความสะดวก

 และโอกาสในการพบปะกับนักเดินทางคนอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้

 ตามความสะดวกและความต้องการของคุณเอง

     เตียงเหล็ก vs เตียงไม้: ความแตกต่างและการเลือกที่เหมาะสม

เมื่อพูดถึงการเลือกเตียงสำหรับห้องนอน หลายคนอาจพบว่าตัวเองต้องตัดสินใจระหว่างเตียงเหล็กและเตียงไม้ ทั้งสองประเภทมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป

และเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย บทความนี้จะนำเสนอข้อดีข้อเสียของเตียงเหล็กและเตียงไม้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเตียงที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด

 1. ความแข็งแรงและความทนทาน

   เตียงเหล็ก: เตียงเหล็กมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อการใช้งานหนัก และสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า

 ไม่แตกหักหรือบิดเบี้ยวง่าย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเตียงที่มีอายุการใช้งานยาวนาน

   เตียงไม้: เตียงไม้ก็มีความทนทานเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าผลิตจากไม้เนื้อแข็ง อย่างไรก็ตาม

 ไม้อาจเกิดรอยขีดข่วนหรือเสียหายได้ง่ายกว่าหากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี

 2. ดีไซน์และสไตล์

   เตียงเหล็ก: เตียงเหล็กมีดีไซน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่แบบเรียบง่ายทันสมัย

 ไปจนถึงแบบหรูหราด้วยการตกแต่งลวดลายเหล็กดัด เหมาะสำหรับห้องนอนที่ต้องการความเรียบง่ายแต่มีสไตล์

   เตียงไม้: เตียงไม้มีลักษณะอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 เหมาะสำหรับการตกแต่งห้องในสไตล์คลาสสิกหรือสไตล์ที่ต้องการความรู้สึกอบอุ่น สบาย ๆ

 3. การดูแลรักษา

   เตียงเหล็ก: เตียงเหล็กต้องการการดูแลรักษาน้อยกว่า แต่ต้องระวังปัญหาสนิม โดยเฉพาะถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

 อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดเตียงเหล็กนั้นง่ายดาย เพียงแค่ใช้ผ้าเช็ดฝุ่นก็เพียงพอ

   เตียงไม้: เตียงไม้ต้องการการดูแลรักษามากกว่า โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงน้ำและความชื้น

 ซึ่งอาจทำให้ไม้บวม แตก หรือเกิดเชื้อราได้ นอกจากนี้ ยังควรระวังรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย

 4. ราคา

     เตียงเหล็ก: เตียงเหล็กมักมีราคาที่หลากหลายขึ้นอยู่กับดีไซน์และวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยทั่วไปจะมีราคาที่ต่ำกว่าเตียงไม้

   เตียงไม้: เตียงไม้ โดยเฉพาะที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง มีราคาที่สูงกว่าเตียงเหล็กเนื่องจากความประณีตและคุณภาพของไม้

 5. การเลือกที่เหมาะสม

  การเลือกเตียงควรพิจารณาจากความต้องการและงบประมาณ หากคุณต้องการเตียงที่ทนทาน

 ดูแลรักษาง่าย และมีสไตล์โมเดิร์น เตียงเหล็กอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณชอบความอบอุ่นเป็นธรรมชาติ

 และยินดีที่จะดูแลรักษาเพิ่มเติม เตียงไม้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

     โฮสเทลกับโรงแรม: เปรียบเทียบความแตกต่างและการตัดสินใจเลือกที่พักที่ใช่

      เมื่อคุณวางแผนการเดินทาง การเลือกที่พักถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด

  ในปัจจุบัน โฮสเทลและโรงแรมเป็นที่พักยอดนิยมที่นักเดินทางมักจะพิจารณา

  บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างโฮสเทลกับโรงแรม

  และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกที่พักที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป

  1. ความแตกต่างด้านราคา

    หนึ่งในความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างโฮสเทลและโรงแรมคือราคา โดยทั่วไปแล้ว

  โฮสเทลจะมีราคาถูกกว่าโรงแรมมาก เหมาะสำหรับนักเดินทางที่มีงบประมาณจำกัด

  หรือผู้ที่ต้องการประหยัดเงินเพื่อใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ของการเดินทาง

  2. รูปแบบการพักอาศัย

    โรงแรมมักจะมีห้องพักส่วนตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องน้ำส่วนตัว ทีวี

  และบริการรูมเซอร์วิส ในขณะที่โฮสเทลส่วนใหญ่มีห้องพักรวม (dormitory)

  ที่ผู้เข้าพักหลายคนต้องใช้พื้นที่ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น หรือห้องครัว

  ซึ่งอาจมีห้องพักส่วนตัวในโฮสเทลบางแห่ง แต่สิ่งอำนวยความสะดวกอาจไม่ครบครันเท่าโรงแรม

  3. บรรยากาศและประสบการณ์การเข้าพัก

    โฮสเทลมักมีบรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกสนาน มีพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้เข้าพักสามารถพบปะ

  พูดคุย และทำกิจกรรมร่วมกันได้ เป็นโอกาสที่ดี ในการพบเจอเพื่อนใหม่จากหลากหลายประเทศ

  ในทางกลับกัน โรงแรมมักจะเน้นความเป็นส่วนตัวและบริการที่เป็นมืออาชีพมากกว่า ทำให้ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่

   4. สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ

     โรงแรมมักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันกว่า เช่น บริการอาหารเช้า สระว่ายน้ำ ฟิตเนส

   และบริการพนักงานตลอด 24 ชั่วโมง ขณะ ที่โฮสเทลอาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น Wi-Fi ฟรี

   ห้องครัวส่วนกลาง และพื้นที่พักผ่อน แต่มักไม่มีบริการที่หลากหลายเท่าโรงแรม

  5. ความปลอดภัย

    โรงแรมมักจะมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่า เช่น ระบบคีย์การ์ด กล้องวงจรปิด

  และพนักงานรักษาความปลอดภัย ขณะที่โฮสเทลอาจมีมาตรการที่น้อยกว่า

  โดยเฉพาะในห้องพักรวมที่ผู้เข้าพักหลายคนต้องแชร์พื้นที่กัน อย่างไรก็ตาม

  โฮสเทลส่วนใหญ่ก็มีการจัดการความปลอดภัยอย่างดี เช่น ล็อกเกอร์สำหรับเก็บของมีค่า

  สรุป

    การเลือกที่พักระหว่างโฮสเทลและโรงแรมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ

  หากคุณมองหาความเป็นส่วนตัวและบริการที่ครบครัน โรงแรมอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม 

  แต่หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและสนุกกับการพบปะเพื่อนใหม่ โฮสเทลก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

   ทำไมเตียงเหล็กถึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในการลงทุนสำหรับห้องนอน ?

 เตียงเหล็กได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่เพียงแค่เพราะรูปลักษณ์ที่ทันสมัย

และมีความหลากหลาย แต่ยังเนื่องมาจากความคุ้มค่าที่เหนือกว่าเตียงประเภทอื่น ๆ ในหลาย ๆ ด้าน

เราจะมาดูกันว่าทำไมการลงทุนในเตียงเหล็กจึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับห้องนอนของคุณ

 1. ความแข็งแรงและทนทาน

  เตียงเหล็กมีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทานกว่าเตียงไม้หรือเตียงที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ

ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ต้องเปลี่ยนเตียงบ่อยครั้ง สามารถใช้งานได้ยาวนานเป็นสิบปี

การลงทุนในเตียงเหล็กจึงเป็นการประหยัดในระยะยาว

 2. ดูแลรักษาง่าย

  เตียงเหล็กไม่ต้องการการดูแลรักษาที่ซับซ้อน เหล็กมีความทนทานต่อการเสียหาย

เช่น การหักหรือการบิ่น ซึ่งต่างจากเตียงไม้ที่อาจต้องการการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง

เช่น การป้องกันปลวกหรือการเคลือบน้ำยาป้องกันรอยขีดข่วน

 3. ดีไซน์ที่หลากหลาย

  เตียงเหล็กมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ดีไซน์เรียบง่ายสำหรับคนที่ชอบความมินิมอล

ไปจนถึงดีไซน์ที่หรูหราสำหรับห้องนอนที่ต้องการความอลังการ

คุณสามารถเลือกเตียงเหล็กที่เข้ากับสไตล์ของห้องนอนของคุณได้อย่างลงตัว

  4. ราคาไม่แพง

  แม้ว่าเตียงเหล็กบางรุ่นอาจมีราคาที่สูง แต่เมื่อพิจารณาถึงความทนทานและการใช้งานในระยะยาวแล้ว

เตียงเหล็กกลับกลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและมีความสมเหตุสมผลในการลงทุน

   5. ปลอดภัยและมั่นคง

   เตียงเหล็กมีความมั่นคงสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องการโยกหรือเคลื่อนที่ง่าย

จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุในครอบครัว

ซึ่งความมั่นคงนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

    สรุป

   การลงทุนในเตียงเหล็กเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งในแง่ของความทนทาน ดีไซน์ที่หลากหลาย

และการดูแลรักษาที่ง่ายดาย นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้ว

ยังช่วยเพิ่มความสวยงามและความมั่นคงให้กับห้องนอนของคุณอีกด้วย

       การจัดเตียงนอนในโรงแรมหรือที่พักเป็นหนึ่งในรายละเอียดที่สำคัญ

ที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก เตียงนอนที่เรียบร้อย สะอาด

และสวยงามไม่เพียงแต่ทำให้ห้องดูดีขึ้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญ

ที่ช่วยให้แขกรู้สึกผ่อนคลายและได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่

นี่คือเทคนิคในการจัดเตียงนอนให้ดูดีและน่าพัก.

    1. การเลือกผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่เหมาะสม

การเลือกผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่มีคุณภาพดี

ไม่เพียงแต่ช่วยให้เตียงดูหรูหรา แต่ยังสร้างความสบายให้กับแขกอีกด้วย

ควรเลือกใช้ผ้าที่มีเส้นใยละเอียด เช่น ผ้าฝ้าย 100%

ที่มีความหนาแน่นของเส้นด้ายสูง เพื่อให้สัมผัสนุ่มนวลและทนทาน

   2. การเตรียมเตียงให้เรียบตึง

การทำให้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเรียบตึงเป็นสิ่งสำคัญ

เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้ห้องดูไม่เรียบร้อยไปกว่าผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่

ควรเริ่มต้นด้วยการปูผ้าปูที่นอนให้ตรงกับขอบเตียง

ดึงผ้าปูให้ตึงจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง ก่อนที่จะพับมุมผ้าอย่างเรียบร้อย

   3. การพับผ้านวมและผ้าห่มอย่างมืออาชีพ

การพับผ้านวมและผ้าห่มที่ดีสามารถทำให้เตียงดูเป็นระเบียบและน่าสบาย

ควรพับผ้านวมที่ปลายเตียงโดยทิ้งส่วนหนึ่งห้อยลงมาเล็กน้อย

เพื่อสร้างความหรูหรา นอกจากนี้ยังสามารถพับผ้าห่มเป็นรูปทรงต่างๆ

เพื่อเพิ่มความสวยงามได้

   4. การจัดวางหมอนและอุปกรณ์ตกแต่ง

หมอนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถทำให้เตียงดูน่าดึงดูด

การจัดวางหมอนควรเริ่มด้วยการวางหมอนหลักให้ตั้งตรงด้านหลัง

จากนั้นเพิ่มหมอนตกแต่งขนาดเล็กหรือหมอนอิงไว้ด้านหน้า

เพื่อเพิ่มความลึกและสวยงาม คุณสามารถใช้ผ้าคลุมเตียงหรือ

หมอนตกแต่งที่มีลวดลายหรือสีสันที่เข้ากันเพื่อเพิ่มความโดดเด่น

   5. การดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

เตียงนอนควรได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนควรถูกซักและเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ

เพื่อให้มั่นใจว่าแขกจะได้รับการพักผ่อนในที่ที่สะอาดและปลอดภัยจากเชื้อโรค นอกจากนี้ควรตรวจสอบเตียงเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่น

หรือเศษผงตกค้างบนเตียง

   6. การใส่ใจในรายละเอียด

การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจัดหมอนให้ตรงและสมดุล

การพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อย หรือการวางของตกแต่งเล็กๆ

อย่างดอกไม้หรือการ์ดต้อนรับบนเตียง

จะสร้างความประทับใจและทำให้แขกรู้สึกถึงความใส่ใจ

และความเป็นมืออาชีพของโรงแรม

   7. การใช้กลิ่นหอมเพิ่มบรรยากาศ

กลิ่นหอมที่อ่อนโยนและสดชื่นสามารถเพิ่มบรรยากาศที่ดีให้กับห้องพัก

ลองใช้สเปรย์หอมสำหรับที่นอนหรือกลิ่นหอมธรรมชาติ เช่น

กลิ่นลาเวนเดอร์หรือกลิ่นมะลิ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย

และทำให้แขกรู้สึกสบายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องพัก

1. วิธีเลือกโฮสเทลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ:

• ตรวจสอบรีวิวจากผู้เข้าพักก่อนหน้า
• ดูที่ตั้งและความสะดวกในการเดินทาง
• ตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด ล็อคเกอร์ส่วนตัว
• พิจารณาโฮสเทลที่มีพนักงานประจำการตลอด 24 ชั่วโมง

2. สิ่งที่ควรพกติดตัวเมื่อพักเตียงโฮสเทล:

• กุญแจล็อคสำหรับกระเป๋าเดินทาง
• ผ้าเช็ดตัวส่วนตัว (บางโฮสเทลไม่มีให้บริการ)
• รองเท้าแตะใส่ในห้องน้ำ
• ที่อุดหู และผ้าปิดตา สำหรับการนอนในห้องรวม
• ปลั๊กพ่วง เนื่องจากเต้าเสียบไฟอาจมีจำกัด

    3. มารยาทและกฎระเบียบทั่วไปในการพักเตียงโฮสเทล:

• เคารพเวลาพักผ่อนของผู้อื่น ลดเสียงในยามวิกาล
• รักษาความสะอาดในพื้นที่ส่วนรวม
• ไม่นำอาหารที่มีกลิ่นแรงเข้ามารับประทานในห้อง
• ขออนุญาตก่อนใช้ของส่วนตัวของผู้อื่น
• แจ้งพนักงานทันทีหากพบปัญหา

4. วิธีรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลและทรัพย์สิน:

• ใช้ล็อคเกอร์ที่ทางโฮสเทลจัดไว้ให้
• พกของมีค่าติดตัวหรือใช้ตู้นิรภัยของโฮสเทล
• ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า
• ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

5. เทคนิคการประหยัดเงินเพิ่มเติมระหว่างพัก:

• ใช้ครัวส่วนกลางทำอาหารเอง
• เข้าร่วมกิจกรรมฟรีที่โฮสเทลจัดขึ้น
• ใช้บริการรถรับส่งฟรีของโฮสเทล (ถ้ามี)
• ขอคำแนะนำจากพนักงานเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวราคาประหยัด

• 1 เคล็ดลับในการสร้างบรรยากาศอบอุ่นในโฮสเทล

  • การตกแต่งภายในให้ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
  • การเลือกใช้สีและแสงสว่างในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง
  • การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
  •  

• 2 การให้บริการที่เหนือกว่าความคาดหมายในโฮสเทล

  • การอบรมพนักงานให้มีทักษะการบริการที่ดีเยี่ยม
  • การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถสร้างความประทับใจ
  • การจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างความสนุกสนานและความผูกพันในกลุ่มผู้เข้าพัก
  •  

• 3  วิธีการจัดการความสะอาดและความปลอดภัยในโฮสเทล

  • เทคนิคการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจัดการกับปัญหาศัตรูพืชและการรักษาความปลอดภัยในโฮสเทล
  • การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้หรือการเกิดโรคระบาด
  •  

• 4  การใช้เทคโนโลยีในการบริหารโฮสเทล

  • ระบบจองห้องพักออนไลน์และการจัดการข้อมูลลูกค้า
  • การใช้แอปพลิเคชันเพื่อการติดต่อและการบริการลูกค้า
  • การใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทโฮสเทลและสร้างการตลาดออนไลน์
  •  

• 5 วิธีการสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางในโฮสเทล

  • การจัดห้องพักที่สะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • การให้คำแนะนำและข้อมูลการท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง
  • การสร้างบรรยากาศการพบปะสังสรรค์ระหว่างผู้เข้าพัก
  •  

• 6 โฮสเทลกับความยั่งยืน: การบริหารจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการตกแต่งและสร้างโฮสเทล
  • การจัดการขยะและการประหยัดพลังงานในโฮสเทล
  • การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและการร่วมมือกับชุมชน

บทนำ

การรักษาความสะอาดในโฮสเทลเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าพัก โฮสเทลที่สะอาดและเป็นระเบียบจะช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้น นี่คือเคล็ดลับและขั้นตอนในการทำความสะอาดโฮสเทลเพื่อให้เป็นที่ประทับใจของผู้เข้าพัก

1. การทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง

• ห้องนั่งเล่นและห้องครัว: ทำความสะอาดทุกวันเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและขยะ
• เช็ดถูพื้นและโต๊ะให้สะอาด และทำความสะอาดอุปกรณ์ครัวหลังการใช้งานทุกครั้ง
• ห้องน้ำ: ทำความสะอาดอย่างน้อยวันละสองครั้ง
• ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ตรวจสอบและเติมของใช้ในห้องน้ำ เช่น กระดาษชำระ สบู่ และผ้าเช็ดมือเป็นประจำ
•  

2. การทำความสะอาดห้องพัก

• เตียง: เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มหลังจากผู้เข้าพักเช็คเอาท์ ตรวจสอบและทำความสะอาดที่นอนและหมอนเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันไรฝุ่น
• พื้นที่พื้น: ทำความสะอาดพื้นและกำแพงห้องพักเพื่อกำจัดฝุ่นและคราบสกปรก ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
•  

3. การจัดการขยะ

• จัดเตรียมถังขยะในทุกพื้นที่ของโฮสเทลและทำความสะอาดถังขยะอย่างสม่ำเสมอ
• แยกขยะตามประเภทและจัดการทิ้งขยะให้ถูกวิธีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
•  

4. การทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ

• สร้างตารางการทำความสะอาดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อบรมพนักงานให้เข้าใจวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพ
•  

บทสรุป

การรักษาความสะอาดในโฮสเทลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โฮสเทลที่สะอาดและมีการดูแลรักษาอย่างดีจะช่วยสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้กับผู้เข้าพัก ซึ่งสามารถทำให้พวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้งและแนะนำให้เพื่อนๆ ของพวกเขาเข้ามาใช้บริการด้วยเช่นกัน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและรักษาความสะอาดในโฮสเทลของคุณครับ!

1. เลือกสีห้องนอนที่ผ่อนคลาย

สีของห้องนอนมีผลต่อความรู้สึกและบรรยากาศ

ควรเลือกใช้สีที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบ

เช่น สีฟ้าอ่อน สีเขียวพาสเทล

หรือสีครีม ซึ่งสามารถช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

2. การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม

เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้องและสไตล์ที่ต้องการ โดยเฉพาะเตียงนอน

ควรเลือกเตียงที่มีขนาดพอดีและมีคุณภาพดี เพื่อการพักผ่อนที่เต็มที่

รวมถึงการเลือกใช้ตู้เสื้อผ้า โต๊ะข้างเตียง และโต๊ะเครื่องแป้งที่เข้ากันกับสไตล์การตกแต่ง

3. เพิ่มแสงสว่างให้เพียงพอ

แสงสว่างในห้องนอนควรมีทั้งแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ เ

พื่อให้ห้องนอนดูสดใสและอบอุ่น การใช้โคมไฟตั้งโต๊ะหรือโคมไฟแขวนเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มแสงสว่าง

รวมถึงการใช้ม่านโปร่งเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้

4. การเลือกเครื่องนอนที่สบาย

เครื่องนอนเช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มควรเลือกให้มีคุณภาพดีและเนื้อนุ่มสบาย

การใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความสบายในการนอน

5. การตกแต่งด้วยของแต่งห้อง

การใช้ของแต่งห้องเช่น ภาพวาด ต้นไม้ หรือของสะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ

สามารถเพิ่มบรรยากาศให้ห้องนอนดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

ควรเลือกของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์ของห้องและไม่ทำให้ห้องดูรกเกินไป

6. การจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ

การจัดเก็บของในห้องนอนอย่างเป็นระเบียบช่วยให้ห้องดูสะอาดและมีพื้นที่มากขึ้น

การใช้กล่องเก็บของ ตู้เสื้อผ้าที่มีช่องเก็บของหลากหลาย

หรือชั้นวางของที่มีการจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเป็นวิธีที่ดีในการจัดการพื้นที่ในห้องนอน

1. การรักษาความสะอาด

• การรักษาความสะอาดของเตียงและห้องพักมีความสำคัญอย่างมาก ใช้เสื้อผ้าเคลื่อนที่และผ้าขนหนูใหม่เพื่อทำความสะอาดเตียงทุกครั้งหลังจากลูกค้าเช็คเอาท์
• ทำความสะอาดห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางอย่างสม่ำเสมอ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ในโฮสเทล

2. การรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก

• ตรวจสอบและรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการในโฮสเทล เช่น อินเทอร์เน็ตไร้สาย ระบบปรับอากาศ หรือการบริการอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมใช้งาน

3. การบำรุงรักษาอุปกรณ์

• รักษาและบำรุงรักษาเตียงและอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องพัก อย่างเช่น เปลี่ยนผ้าปูที่นอน หรือทำการซักผ้าเป็นประจำ เพื่อรักษาความสะอาดและความสมบูรณ์ของอุปกรณ์

4. การจัดการความเรียบร้อย

• จัดการห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางให้มีความเรียบร้อยและเรียบเรียง มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเหมาะสม

5. การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า

• สร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำให้กับลูกค้า โดยการให้บริการที่เป็นมิตรและเอาใจใส่ การจัดกิจกรรมและทัวร์ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและความท้าทายในการเข้าพัก

การใช้เทคนิคการดูแลเตียงโฮสเทลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจโฮสเทลของคุณดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จและคงทนในวงการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการดูแลเตียงโฮสเทลเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและใส่ใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

   3 เทคนิคที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนเปิดธุรกิจโฮสเทล

1. การเลือกทำเลที่ตั้ง

   การเลือกทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ   ด้วยเหตุผลที่ว่านักเดินเท้าสะพายกระเป๋าจากต่างแดนที่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก

ที่ตั้งของ Hostel ควรจะเข้าถึงได้ง่าย มีการคมนาคมเดินทางไปมาสะดวก ไม่ต้องต่อรถมาก ยิ่งมีช่องทางระบบขนส่งสาธารณะด้วยก็จะยิ่งดี

เพราะแบ็คแพ็คเกอร์ที่มาเที่ยวเมื่อลงสนามบินก็มักจะเปิดแผนที่ คลำหาเส้นทางด้วยตัวเอง  การเลือกทำเล Hostel ที่เดินทางมาพักได้ไม่ยากเย็น

ใกล้สถานที่อ้างอิงที่เป็นที่รู้จัก มีป้ายสัญลักษณ์สะดุดตา หรือลองคิดเอกลักษณ์ที่จำจดได้ง่ายให้ Hostel ของตัวเองก็นับเป็นตัวช่วยบอกใบ้

สำคัญเพื่อการเดินทางเข้ามาเช็คอิน

2. การยื่นเรื่องกฎหมายเปิดโฮสเทล

           การทำธุรกิจ Hostel จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพราะมีห้องพักเกิน 4 ห้อง จึงจำเป็นต้องยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่เขตเพื่อขอเปลี่ยนประเภท

การใช้งานอาคารจากเพื่อการพักอาศัยเป็นการขออนุญาตทำธุรกิจโรงแรมตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ

โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑  (พรบ.โรงแรม2547, ภาษีโรงแรม, ใบอนุญาตฺ/จดทะเบียนโรงแรม) โดยก่อนจะเริ่มลงมือรีโนเวทอาคารบ้านพัก ตึกแถว

ที่มีอยู่เจ้าของโครงการและนักออกแบบควรจะต้องศึกษาเรื่องระยะถอยร่น ขนาดพื้นที่ใช้สอยระบบสาธารณูปโภคต่างๆ รวมทั้งความแข็งแรง

ของโครงสร้างสำหรับการใช้งานของคนจำนวนมาก เพราะข้อบังคับสำหรับบ้านพักอาศัยกับอาคารสาธารณะมีข้อบังคับที่แตกต่างกัน

อยู่หลายจุด

3. ควรให้ความสำคัญในการตกแต่งส่วนใดมากที่สุด

          พื้นที่ที่ควรจะใส่ใจคือพื้นที่ส่วนกลาง lobby, ห้องกิจกรรม ที่เหล่าแบ็คแพ็คเกอร์มักจะออกมาหาเพื่อนหน้าใหม่เสวนาแลกเปลี่ยน

ประสบการณ์เดินทาง ควรจะต้องออกแบบตกแต่งพื้นที่ส่วนรวม Common Space ให้ดูผ่อนคลาย มีกิจกรรมสนุกสนาน มุมนั่งเล่น

นอนดูทีวี ให้บริการห้องครัวแบบ Self-Service มีตู้ล็อคเกอร์ไว้เก็บของส่วนตัว มีพนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษคอยให้คำแนะนำ

สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักแบบ Hostel นั้นเป็นห้องพักสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเพียงที่นอนหลับพักผ่อน ไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวหรูหรา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปทุ่มงบตกแต่งห้องพักให้สวยงามเลอค่าจนเกินไป

อ้างอิงข้อมูลจาก ;  https://dsignsomething.com/2016/07/16/4-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94/

วันกอดสากล 

ประวัติของวันกอดสากล 

          วันนี้เริ่มจาก บาทหลวง นามว่า เควิน ซาบอร์นีย์(Kevin Zaborney) เขาเริ่มวันนี้ในช่วงปี ค.ศ. 1986

เขามองว่า ผู้คนไม่ค่อยแสดงความรักต่อกัน เช่นการกอด มันเป็นเรื่องที่สามารถแสดงออกได้ในที่สาธารณะ

เขาเลยพยายามที่จะรณรงค์ให้มีการกอดกัน 1 วันในทุกๆ ปี 

          เขาเลยเลือกวันที่ 21 มกราคม 1986 โดยมันเป็นช่วงที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในฤดูหนาว

ผู้คนเริ่มกลับมาทำงาน อาจจะมีความเบื่อและต้องการกำลังใจเลยเลือกในช่วงนี้ 

          การรณรงค์เริ่มจากเมืองคาโร แห่งรัฐมิชิแกนเมืองที่ เควิน ซาบอร์นีย์อาศัยอยู่ จากนั้นมันได้

รับความนิยมมากจนแพร่ไปยังรัฐอื่นๆ พอรัฐอื่นๆทำด้วยก็กลายเป็นประเทศในแถบนั้นต่างร่วมการรณรงค์

ครั้งนี้ ทำให้มันกลายเป็นวันกอดสากลในที่สุด 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_276159/

   1. ควรอ่านรีวิวก่อนการจองเข้าพักโฮสเทล ในเรื่องของความสะอาด ความปลอดภัยต่างๆ ฯลฯ

   2. โฮสเทลเป็นพื้นที่ส่วนรวม เราจำเป็นต้องตระหนักถึงกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่รบกวนผู้อื่น

   3. ไม่ควรนำสิ่งของมีค่าไว้ที่โฮสเทล เพื่อป้องกันการสูญหาย

   4. ไม่ควรไว้ใจใครมากเกินไป

   5. โฮสเทลส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปลั๊กจำนวนมากให้ หากใครที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เยอะ ควรเตรียม

       ปลั๊กสามตาไปด้วย

   6. ควรเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำไปให้พร้อม เพราะบางโฮสเทลไม่มีอุปกรณ์อาบน้ำเตรียมไว้ให้

   7. หากใครเป็นคนหลับยาก ควรเตรีียมปาปิดตาและที่อุดหูไปด้วย

   8. ควรเตรียมกระเป๋าที่มีกุญแจล็อคไปด้วย เพื่อป้องกันการสูญหาย เพราะบางโฮสเทลไม่มีตู้เก็บของให้

   9. ไม่โชว์ทรัพย์สินมีค่าให้ผุ้ร่วมห้องรู้

  10. โฮสเทลส่วนใหญ่จะมี wi-fi ให้ฟรี แต่สัญญาณการครอบคลุมจะขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ

                                                 ข้อมูลจาก : https://www.expedia.co.th/stories/hotels-review/bd10_january18/

ข้อดีของเตียงเหล็ก

            เตียงเหล็กหรือเตียงโครงเหล็กนั้น คนนิยมใช้กันเยอะมากและตามหอพัก อพาร์ตเม้นต์ต่าง ๆ ก็นิยมใช้เหมือนกัน แน่นอนว่าข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดนั่นคือ

   เป็นเตียงนอนราคาถูก นั่นเอง สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกเตียงนอนแบบไหนดีในงบประมาณที่จำกัด ก็จะมีตั้งแต่ 3 ฟุต 3.5 ฟุต 4 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต

   ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน บทความนี้เราจะมีพูดถึง 5 ข้อดีของการใช้เตียงเหล็กเผื่อว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นว่าเป็นเตียงในแบบที่คุณต้องการหรือเปล่า

   มีอะไรบ้างมาติดตามอ่านด้านล่างนี้

   1.ประกอบง่ายมาก
   2.เคลื่อนย้ายสะดวก
   3.ราคาถูก
   4.แข็งแรง ทนทาน
   5.วางที่นอนได้ทุกยี่ห้อ

           ก่อนจะเลือกว่าจะซื้อที่นอนอย่างไรดี ยี่ห้อไหนนั้นก็อย่าลืม เลือกที่นอนให้ขนาดเดียวกันกับเตียงด้วยนะ ไม่ใช่ว่ามีเตียง 3.5 ฟุต แต่ดันไปซื้อที่นอน 5 ฟุต

  มาใส่มันก็ไม่ใช่ เตียงกี่ฟุตก็ต้องซื้อที่นอนเหมือนกัน และสิ่งที่จะต้องดูอีกอย่างคือ การรับน้ำหนักของเตียงเหล็ก เช่น เตียง 3 ฟุต จะรับน้ำหนักได้สูงสุด 80 – 100

  กิโลกรัม คุณก็ต้องมาดูว่าที่นอนที่จะซื้อนั้นน้ำหนักเท่าไหร่ อย่าลืมว่าจะต้องบวกน้ำหนักของคนที่นอนเข้าไปด้วยนะ หากมันหนักเกินที่เตียงจะรับไหว ก็จะทำให้อายุ

  การใช้งานของเตียงลดลง ฉะนั้นก็ต้องเลือกให้ดีด้วย

            เตียงเหล็กก็นอนสบายเหมือนกัน และยังช่วยประหยัดงบประมาณได้ตั้งเยอะอีกด้วยอยากจะนอนสบาย ๆ ก็หาที่นอนนุ่ม ๆ อย่างที่คุณชอบมาวาง

   กับชุดเครื่องนอนสวย ๆ เท่านี้ก็ทำให้บรรยากาศในห้องนอนของคุณน่านอนมากขึ้นแล้ว และการใช้เตียงเหล็กข้อเสียคือดีไซน์มันอาจจะไม่ได้ทันสมัย

   ไม่มีช่องหัวเตียงเหมือนเตียงประเภทอื่น ๆ ถ้าคุณกำลังเลือกอยู่ว่าจะซื้อเตียงแบบไหนดี เตียงเหล็กอาจจะตอบโจทย์ความต้องการได้

เตียงนอนสุขภาพ

         การนอนเป็นกิจกรรมที่ส่งผลต่อร่างกาย สมอง และจิตใจ  การนอนหลับอย่างไรให้มีคุณภาพมากที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะการนอนหลับ

  ส่งผลต่อปัจัยหลายอย่าง เช่น อายุ, สุขภาพ, สภาพแวดล้อม ฯลฯ Defer จึงขอเสนอเตียงที่เป็นตัวช่วยในการนอนหลับให้ดีขึ้นคืิอ เตียงสุขภาพ

          เตียงสุขภาพคืออะไร? คือเตียงอัจฉริยะ เป็นเตียงไฟฟ้าที่สามรถปรับระดับหรือรูปแบบการยนอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า สามารถปรับระดับได้

   ด้วยระบบรีโมทคอลโทรล เพิ่มระดับความสะดวกสบายให้กับคนที่เรารัก และช่วยท่านให้สามารถดูแลคนที่เรารักได้อย่างสบาย เตียงสุขภาพจึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้       ป่วยติดเตียง มีช่องUSB มีระบบนวด และสมารถปรับได้หลาดหลายท่าทาง

สนใจสั่งซื้อได้ที่ Facebook : เตียงเพื่อสุขภาพDefer       

5 โทนสีแต่งห้องนอนให้เข้ากับตัวเอง

                        คิดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่มีไอเดีย สำหรับใครที่เบื่อหน่ายห้องนอนของตัวเอง แต่ไม่รู้จะตกแต่งห้องนอนแบบไหนให้ดูดี หลับสบาย อยู่แล้วผ่อนคลาย

      Defer มี 5 ไอเดีย 5 โทนสียอดนิยม ที่แตกต่างกันทั้งสไตล์ และความรู้สึก มาฝากเพื่อนๆ

    1. ห้องนอนโทนสีขาว

            การแต่งห้องนอนในโทนสีขาว เป็นโทนสีที่ให้ความสว่างตาและทำให้ห้องนอนดูกว้างขึ้นมาก ส่วนมากห้องนอนเล็กๆมักจะนิยมทาสีห้องนอนด้วยโทนสีขาว

      เป็นสีที่ทำให้ห้องรู้สึกโล่งโปร่ง สบาย อีกทั้งยังเป็นโทนสีที่สามารถตกแต่งได้ง่ายๆ

    2. ห้องนอนโทนสีเทา

              การแต่งห้องนอนในโทนสีเทา สีเทาเป็นสีโทนเย็นที่ให้ความรู่สบาย ผ่อนคลาย สงบสีเทาเป็นสีที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้แต่งห้องนอนกันอย่างมาก 

      สำหรับโทนสีเทา โดยมีเฉดสี เข้ม-อ่อน ให้ได้เลือกนำไปตกแต่ง  ซึ่งสามารถนำไปตกแต่งได้หลากหลายสไตล์ อย่าง Loft  และ Modern

    3. ห้องนอนโทนสีน้ำตาล

          ห้องนอนโทนสีน้ำตาลในการตกแต่งห้องนอนจะให้ความรู้สึกปลอดภัย ซึ่งสื่อถึงความมั่นคงป็นโทนสีที่ให้ในเรื่องของความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี 

    ซึ่งเป็นโทนสีที่สามารถตกแต่งได้ง่าย และไม่ว่าจะนำไปตกแต่งในช่วงไหนก็ไม่ตกเทรนด์

   4. ห้องนอนโทนสีน้ำเงิน

            เป็นโทนสีที่ให้ความผ่อนคลาย เป็นสีโทนเย็นทำให้รู้สึกสบายตา การใช้ห้องนอนสีโทนนี้มักทำให้นอนหลับได้ยาวนาน และให้ความรู้สึกอบอุ่น สามารถนำไป

  ตกแต่งห้องนอนได้ง่าย แบบไม่ตกเทรนด์

     5. ห้องนอนโทนสีเขียว

           ห้องนอนโทนสีเขียวถือเป็นหนึ่งโทนที่ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ร่มเย็น เป็นธรรมชาติ ให้ความสดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดี ซึ่งทำให้เป็นผลดี

     ต่อการนอนอย่างมาก

หมอนขนห่านเทียมดีอย่างไร?

อะไรคือ..หมอนขนห่านเทียม?

          หมอนขนห่านเทียม หรือ หมอนขนเป็ดเทียม ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์อย่างเส้นใยไมโครไฟเบอร์หรือไมโครเจล มีลักษณะที่นุ่มสบายเสมือนขนเป็ดแท้ๆ

 หมอนขนห่านเทียมยังเป็นหมอนที่ดีต่อสุขภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหมอนใยสังเคราะห์ชนิดอื่น มีราคาที่ถูกกว่าหมอนขนเป็ดแท้อีกด้วย จึงทำให้หมอนชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้กันตามบ้านและโรงแรมที่หรูระดับ 4 – 5 ดาวนั่นเอง

ประโยชน์และข้อดีของหมอนขนห่านเทียม...

     1.นุ่มสบายคล้ายหมอนขนเป็ดแท้ ให้ความสัมผัสที่หรูหรา
     2.ช่วยให้นอนหลับสบายกว่าหมอนทั่วไป
     3.ไม่มีกลิ่นอับเหมือนขนเป็ดแท้
     4. เพราะไม่มีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ ระบายความร้อนได้ดี
     5.ช่วยลดการสะสมของฝุ่น   
     6.ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระจึงไม่ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยเมื่อใช้นอนเป็นเวลานาน ๆ น้ำหนักเบา                      
     7.มีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนตัวได้ดี
     8.มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
     9.มีราคาถูกกว่าหมอนขนเป็ดแท้