Support
defer
02-046-7849
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2016-09-09 10:58:07.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เตียง 2 ชั้นช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยง่าย ๆ โดยไม่ต้องต่อเติมห้อง

        หากบ้านของคุณมีการเพิ่มขึ้นของสมาชิกไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม และต้องการจัดสรรที่นอนให้เพียงพอกัน หรือหากเด็กเล็กในบ้านเริ่มโตและต้องการที่นอนที่เป็นสัดส่วน แต่ยังคงนอนในห้องเดียวกันได้แล้ว Deferมีไอเดียในการจัดวางเตียงมาประยุกต์ใช้ในห้องที่มีพื้นที่จำกัดกันครับ

    อันดับแรกเลยคือ การใช้เตียงที่มีขนาดเล็กลง 2 เตียงมาวางเรียงกัน โดยอาจจะมีโต๊ะเล็ก ๆ วางตรงกลางที่ใช้ร่วมกันเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย และชั้นเก็บของหรือชั้นวางอาจจะใช้วิธีทำเป็นชั้นลอยเพื่อให้เหลือที่ว่างในการเดินให้ห้องไม่ดูอึดอัดจนเกินไปด้วย

 

 


    อย่างที่สอง คือการวางเตียงแบบใช้หัวเตียงร่วมกัน โดยวิธีนี้เราจะหันหัวเตียงมาชนกันแล้ววางเตียงตามแนวยาวของผนังห้องซึ่งจะทำให้เกิดพื้นที่ว่างตรงกลางร่วมกันที่จะสามารถใช้นั่งเล่นพื้นหรือจัดวางโต๊ะเพื่อทำงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย ส่วนตรงพื้นที่ระหว่างหัวเตียงก็อาจจำทำชั้นวางของตรงจุดที่เอาหัวเตียงชนกันก็ได้เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่จำกัดได้ ด้านล่างก็ทำเป็นลิ้นชักเล็ก ๆ เอาไว้สำหรับเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ได้นะครับ

เตียง 2 ชั้น title=

 

แบบสุดท้าย คือแบบที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีและเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการใช้พื้นที่จำกัดในห้องนอนให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างการใช้เตียง 2 ชั้น โดยประโยชน์อย่างแรกเลยนั้น การใช้เตียง 2 ชั้นเป็นการใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกเตียงที่มีขนาดใหญ่กว่าเตียงที่ใช้วิธีการวางในแนวราบไม่ว่าจะเป็นการวางเตียงรูปแบบไหนก็ตาม ผู้นอนจึงนอนได้สบายขึ้น โดยที่ใช้พื้นที่น้อยกว่าการวางเตียงในแนวราบ จึงช่วยให้ประหยัดพื้นพื้นที่ใช้สอยได้อย่างมากทำให้เหลือพื้นที่อีกเหลือเฟือในการจัดแต่งห้องได้ตามใจเจ้าของห้องและเก็บของให้เป็นระเบียบได้ด้วย

เตียง 2 ชั้น title=                                                                                          



    ซึ่งปัจจุบันนั้นนอกจากจะมีมีเตียง  2 ชั้นสวย ๆ มากมายที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการตกแต่งห้องได้อย่างสวยงามแล้วนั้น ยังมีการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเตียงสองชั้นที่มีชั้นเก็บของหรือลิ้นชักเพื่อเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หรือเตียง 2 ชั้นที่มีโต๊ะทำงานเพิ่มด้วย หรือมีการเจาะชั้นวางต่าง ๆ ตามแต่จะเลือกได้ แต่นอกจากการเลือกเตียง 2 ชั้นจะเลือกตามสไตล์ ความสวยงาม หรือตามประโยชน์ใช้สอยแล้วความปลอดภัยก็สำคัญนะครับ

เมื่อได้เตียง 2 ชั้นที่มีขนาดและความแข็งแรงรวมไปถึงตอบสนองความต้องการด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงามหรือด้านประโยชน์ใช้สอยแล้ว คุณก็สามารถเพิ่มพื้นที่สำหรับการนอนที่สบายเพิ่มเข้ามาให้สมาชิกอีกหนึ่งคนได้โดยทันทีโดยไม่ต้องทุบหรือขยายห้องให้ยุ่งยาก และนอกจากการใช้เตียง 2 ชั้นจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการต่อเติมห้องเพิ่มเติม และช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในห้องทำให้ห้องดูกว้างขวางแล้ว การใช้เตียง 2 ชั้นนั้นยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยที่เค้ายังมีมุมพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว และที่สำคัญยังสามารถนำมาใช้เพื่อฝึกและปลูกฝังความรับผิดชอบได้ให้แก่เด็ก ๆ ได้โดยให้เค้าได้เรียนรู้จักการพับเก็บที่นอนในส่วนของเค้าตั้งแต่ตื่นนอน การฝึกความเสียสละในการจัดแบ่งพื้นที่ และยังช่วยให้มีมารยาททางสังคมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อีกด้วยนะครับ

 

เตียง 2 ชั้น แบบสวย
เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น
เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 4 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 3  ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 3 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

เตียง 2 ชั้น title=
เตียง 2 ชั้น

 

 

 

ขอมูลจาก.babbaan.in

 

 

guest

Post : 2016-09-08 13:14:00.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การเพิ่มพื้นที่ในห้องด้วยเตียงสองชั้น

 สำหรับบ้านใครที่มีพื้นที่น้อยๆ แล้วมองหาไอเดียการตกแต่งห้องนอน แบบใช้งานได้ครบครันหลายฟังก์ชั่นในห้องเดียว ลองดูไอเดียที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้นะครับ นั่นก็คือ การใช้เตียงนอนสองชั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ในแนวตั้งได้อย่างลงตัว แม้จะเน้นไปที่ห้องนอนของเด็กๆ เพราะเด็กๆ ยังสามารถใช้ห้องรวมกันได้ แต่หากผู้ใหญ่ๆ อย่างเพื่อนๆ ชาวDeferthai.com ไม่ซีเรียส ที่จะนอนบนที่สูงแล้วล่ะก็ ดูภาพประกอบด้านล่างแล้วนำไปประยุกต์ใช้กับห้องของเราได้เลยนะครับ

ไอเดียแต่งห้องนอน ห้องนอนประหยัดพื้นที่ ด้วยเตียงสองชั้น

ไอเดียแต่งห้องนอน ห้องนอนประหยัดพื้นที่ ด้วยเตียงสองชั้น

ข้างบนเป็นที่นอน ข้างล่างเป็นพื้นที่ทำงาน ใช้พื้นที่ได้อย่างครับครันจริงๆ

ไอเดียแต่งห้องนอน ห้องนอนประหยัดพื้นที่

ห้องเล็กๆ แต่ใช้พื้นที่ได้อย่างครบครันอีกห้อง

ไอเดียแต่งห้องนอน ห้องนอนประหยัดพื้นที่ ด้วยเตียงสองชั้น

ห้องสีสันสดใส พื้นที่กว้างๆ

Loft-bed-24

Advertisement

ห้องนี้เหมาะสำหรับสาวๆ วัยรุ่น ช่วงวัยมัธยม ที่ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้านไปด้วย

Loft-bed-25

ห้องนอนนักดนตรีน้อย ข้างบนเป็นที่นอน หรือที่นั่งเล่นก็ยังได้

Loft-bed-29

ไอเดียแต่งห้องนอน ห้องนอนประหยัดพื้นที่ ด้วยเตียงสองชั้น

guest

Post : 2016-09-05 11:18:03.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การจัดแสงในห้อง

 6 เทคนิคจัดแสงไฟในห้องต่าง ๆ ของบ้าน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          จัดแสงไฟในบ้านให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ แต่ละห้องควรใช้ไฟแบบไหน วันนี้เรามีเทคนิคจัดแสงไฟในห้องต่าง ๆ มาฝาก

          แต่ละห้องของบ้าน ก็ย่อมมีสไตล์การตกแต่งและความต้องการในการใช้งานที่ต่างกัน ซึ่ง “แสงไฟ” ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงฟีลลิ่งของแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเพื่อให้ห้องต่าง ๆ ภายในบ้านมีบรรยากาศที่เหมาะสม วันนี้กระปุกดอทคอมมีเทคนิคการแต่งแสงไฟภายในห้องมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

ภาพจาก Michael Fullen Design Group 


 1. ห้องนอน

          ห้องนอนเป็นห้องสำคัญของทุกคน ซึ่งบรรยากาศภายในห้องนอนควรรู้สึกสงบและอบอุ่น อีกทั้งควรให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เพราะเป็นห้องที่ใช้ในการพักผ่อนอย่างแท้จริง ดังนั้นแสงไฟในห้องนอนจึงควรใช้แสงไฟที่ไม่สว่างจัด เช่น แชนเดอเลียร์, ไฟซ่อนผนัง, ไฟฝังฝ้า หรือจะเป็นหลอดไฟในบ้านทั่ว ๆ ไปก็ได้ แต่ไม่ควรให้แสงอ่อนมากเกินไป หากมีการอ่านหนังสือควรใช้แสงสว่างให้เพียงพอ หรือมีโคมไฟหัวนอนเสริม

 
ภาพจาก Avenue Lifestyle 


 2. ห้องนั่งเล่น

          ห้องนั่งเล่นคือจุดสำคัญ ที่มีไว้รับแขกและใช้ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เรียกว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟได้หลากหลายให้ตรงกับความต้องการ แต่ควรให้มีแสงสว่างมากหน่อย เช่น ใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือหากอยากให้มีความนุ่มนวลสวยงาม อาจใช้แสงไฟนวล ๆ จากหลอดสีส้ม หรือแสงไฟเฉพาะจุดที่เน้นงานศิลปะ ตู้โชว์ ฯลฯ ก็ได้


 

ภาพจาก DKOR Interiors 


 3. ห้องน้ำ

          เป็นอีกหนึ่งห้องที่มีความสำคัญสำหรับทุกคนในบ้าน เพราะเราต้องใช้ห้องน้ำกันวันละหลายครั้ง ดังนั้นเพื่อให้ห้องน้ำไม่เกิดความอับชื้น มองเห็นทางเดินได้ชัดเจน ไม่ลื่นล้ม ควรเลือกแสงไฟที่สว่าง ๆ หากเปิดให้แสงธรรมชาติถ่ายเทผ่านเข้ามาได้มากยิ่งดี ทั้งนี้หากมีโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้า แต่งตัว อยู่ภายในห้องน้ำ ให้ติดไฟรอบ ๆ กระจกด้วยแสงอ่อนนุ่ม


 

ภาพจาก Cynthia Marks Interiors 


 4. ห้องครัว

          สำหรับห้องครัวที่เราใช้ประกอบอาหาร ควรใช้แสงไฟสว่างตั้งแต่แสงปกติไปจนถึงสว่างเป็นพิเศษ เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ทั่วไป หรือหลอดไฟฮาโลเจนก็ได้ และควรเปิดช่องให้มีอากาศถ่ายเท มีแสงจากธรรมชาติเข้ามามากที่สุด เนื่องจากในห้องครัวไม่ควรเป็นจุดอับ อีกทั้งควรเพิ่มแสงสว่างใต้เครื่องดูดควัน หรือใต้ตู้เก็บของชั้นบนด้วย


 

ภาพจาก Heather Merenda 


 5. ห้องทำงาน

          ห้องทำงานคือห้องที่ต้องใช้สมาธิมาก ความเงียบสงบ สบาย ๆ และไม่จัดจ้าน จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากกว่า ดังนั้นแสงที่ใช้ในห้องทำงานจึงควรเป็นแสงธรรมชาติ หรือหลอดไฟแสงสีขาว เพื่อให้สีภายในห้องไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะเมื่อต้องเพ่งสายตากับคอมพิวเตอร์นาน ๆ


 

ภาพจาก Amanda Miller Design Studio 


 6. ห้องรับประทานอาหาร

          การเพิ่มบรรยากาศดี ๆ ให้กับห้องรับประทานอาหาร ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกแสงไฟที่สว่างและสะอาดตา โดยเฉพาะแสงไฟสวย ๆ จากแชนเดอเลียร์เหนือโต๊ะอาหาร ที่จะทำให้ทุกจานบนโต๊ะอาหารดูน่ารับประทานมากขึ้น ทั้งนี้โคมไฟควรเล็กกว่าด้านกว้างของโต๊ะประมาณ 6-12 นิ้ว และสูงเหนือโต๊ะประมาณ 2 ฟุต

          ถึงแม้ว่าแต่ละห้องจะมีสไตล์การตกแต่งที่แต่งต่างกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเพิ่มความใส่ใจในการเล่นแสงไฟเข้าไปด้วย ก็จะช่วยทำให้แต่ละห้องมีบรรยากาศที่น่าอยู่มากขึ้น รู้อย่างนี้แล้วลองจัดแสงไฟในห้องต่าง ๆ ให้ถูกต้องกันนะคะ


 

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
homepro.co.th

###### No Permission ######
###### No Permission ######
guest

Post : 2015-11-02 18:56:56.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  โรงพ่นสีเตียง Defer

 อีกหนึ่งงานของเราโรงพ่นสีฝุ่น(Powder Coating) เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเตียงเหล็ก Defer ของเราผลิตเองทุกขั้นตอนครับ และเรายังรับงานพ่นสีฝุ่น บนชิ้นงานโลหะ เช่น งานเหล็ก , เหล็กดัด , อลูมิเนียม , ชิ้นส่วนอะไหล่รถ , ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ และชิ้นงานโลหะในอุตสาหกรรมทั่วไป ด้วยราคาเป็นกันเอง และคุณภาพที่ได้มาตรฐาน
สนใจติดต่อสอบถาม 02-988-6672

guest

Post : 2015-05-16 17:05:37.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เคล็ดลับหุ่นดีสุขภาพดี

 วันนี้มีเคล็ดลับหุ่นเพรียว สุขภาพดีมาฝาก!!

 ง่ายๆครับแค่นอนครับ !
 
"การได้นอนหลับอย่างน้อย 8-9 ชั่วโมงทุกคืน
จะช่วยทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน DHEA
ที่เป็นฮอร์โมนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
และชะลอความแก่ได้มากขึ้นที่สำคัญการนอนหลับ
ยังช่วยขจัดความเครียดและช่วยให้ร่างกายกักเก็บ
ไขมันได้น้อยลง รู้อย่างนี้แล้วอย่ารอช้ากันนะครับ
หาวิธีทำให้ตัวเองหลับนานๆให้ได้นะครับแค่
นอนหลับได้ทั้งหุ่นดี สุขภาพดีด้วยนะครับ"
อ้อ!!"ลืมบอกไปคุณแม่หลังคลอดลูกถ้าได้นอนมากๆ
และให้นมลูกเอง น้ำหนักตัวจะลดลงใว มากกว่า
แม่ที่ได้นอนน้อยด้วยนะครับ"!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

###### No Permission ######
###### No Permission ######
###### No Permission ######
###### No Permission ######
guest

Post : 2014-11-01 14:07:12.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การนอน

defertech.com ท่านอน ถือเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกสันหลังรับแรงน้อยที่สุด ดังนั้นท่านอนจึงเป็นท่าพักผ่อนที่ดีที่สุด บางคนเมื่อศีรษะถึงหมอนก็หลับสบายจนถึงเช้า อาจไม่สนใจว่าตนเองจะนอนท่าไหน รู้ตัวอีกทีตื่นมาตอนเช้าพบว่าเกิดอาการปวดหลัง หรือหันหน้าซ้ายขวาไม่ได้เลย จนต้องรีบไปหาหมอ

 

ท่านอนของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนชอบนอนหงาย บางคนก็ชอบนอนตะแคง หรือบางท่านอาจชอบนอนคว่ำก็มี เราลองมาดูกันว่าท่านอนแต่ละท่านั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร และควรนอนในแต่ละท่าอย่างไรให้ถูกต้อง
 
-ท่านอนหงาย โดยมีหมอนหนุนใต้ข้อเข่า ให้ข้อสะโพกงอเล็กน้อย ท่านี้ถือว่าเป็นท่านอนที่เหมาะ หรือเป็นท่าที่ลดแรงกดของหลังได้ดี ส่วนที่ศีรษะควรมีหมอนเตี้ยๆ นุ่มๆ หนุนให้รู้สึกสบาย

 

-ท่านอนตะแคง เป็นท่าที่ดีอีกท่าหนึ่ง โดยเฉพาะหากได้งอเข่าข้างหนึ่ง และมีหมอนข้างกอดไว้ หรือจะงอเข่าทั้งสองข้างในท่าคู้ตัวก็ได้ สำหรับหมอนที่ใช้หนุนในท่านี้ควรมีความหนามากพอที่จะให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว หากใช้หมอนเตี้ยเกินไป ศีรษะจะเอียงลงหรือหาหมอนที่มีความสูงเท่าหรือใกล้เคียงกับระยะจากระดับด้านข้างของศีรษะไปถึงแนวระดับไหล่ เมื่อหนุนแล้ว จึงทำให้แนวของกระดูกสันหลังส่วนคออยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว
 

-ท่านอนคว่ำ ถือว่าเป็นท่าที่ไม่ดี เพราะการนอนคว่ำนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางด้านหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ เวลาเรานอนคว่ำก็ต้องตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย
 
 

นอกจากเรื่องของท่านอนที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหลังแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ อย่างหมอนหรือที่นอนก็มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพหลังของคนเราด้วยเช่นกัน

หมอนที่ใช้หนุนคอ ถือว่ามีส่วนช่วยรองรับกระดูกสันหลังส่วนคอให้อยู่ในแนวโค้งที่ปกติ เพราะในขณะที่หลับ กล้ามเนื้อรอบๆ คอจะคลายตัว หากคออยู่ในท่าที่ไม่ดี ตื่นมาอาจปวดคอหรือคอแข็งได้ ดังนั้น หมอนที่ใช้ควรมีความนุ่มและขนาดพอดี โดยทั่วไปหมอนมาตรฐานควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนคอสั้นหรือคอยาว เพราะถ้าคุณเป็นคนคอยาวมากไป การใช้หมอนมาตรฐานก็จะทำให้ศีรษะอยู่ในท่าที่แหงนมากเกินไป

มีผู้ป่วยไม่น้อยที่มาพบแพทย์ด้วยเรื่องปวดต้นคอ หรือคอแข็งโดยไม่คิดว่าสาเหตุเกิดจากหมอนที่ตนเองใช้อยู่ แต่การที่จะบอกว่าหมอนแบบไหน หรือใบใดที่จะเหมาะกับใครนั้น เห็นทีจะยากสักหน่อย แต่ก็มีหลักง่ายๆ คือ เมื่อคุณหนุนหมอนใบนั้นแล้วรู้สึกสบายคอ หรือตื่นมาแล้วไม่มีอาการปวดเมื่อยต้นคอให้เป็นที่รำคาญใจ ก็ถือว่าเพียงพอ และไม่จำเป็นว่าต้องมีราคาแพงเสมอไปนะครับ หมอนราคาถูกๆ แต่เป็นขนาดที่เหมาะกับคุณ ก็จะสามารถรองรับศีรษะและกระดูกสันหลังส่วนคอให้กับคุณได้ดีทีเดียว



ที่นอน สำหรับที่นอนที่ยัดด้วยนุ่น ที่คนไทยเราใช้กันอยู่นั้น เป็นที่นอนที่เหมาะอยู่แล้ว เพราะไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไป แต่สำหรับที่นอนฟองน้ำที่ใช้กับเตียงสปริง ถือว่าเป็นที่นอนที่ไม่เหมาะกับสุขภาพหลัง หรือสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะมีความนุ่มหรืออ่อนตัวมากเกินไป ทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวที่ผิดปกติ

บางคนเข้าใจผิดว่า การนอนที่นอนแข็งๆ เช่น บนไม้กระดาน, เสื่อ หรือนอนกับพื้น จะช่วยลดอาการปวดหลังได้ จริงๆ แล้วไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ ที่นอนที่ถูกควรมีลักษณะที่เรียกว่าแน่น หรือเป็นที่นอนที่ยัดนุ่น ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

เหล่านี้เป็นเพียงองค์ประกอบในการนอน ที่จะช่วยป้องกันและรักษาอาการปวดหลังแต่ถ้าหากสาเหตุการปวดหลังของคุณเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือแม้กระทั่งจากความเครียด คุณก็คงต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไปwww.deferthai.com

guest

Post : 2014-11-01 10:23:56.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ที่นอนที่ดี

 deferthai.com

ความรู้เบื้องต้นเรื่องที่นอนนะครับ 

ที่นอนที่ดีคือเวลาเรานอนลงไปแล้วจะต้องเต็มหลัง ส่วนเรื่องนุ่มหรือแน่นแล้วแต่ความชอบของคนครับ โดยการอาจจะทดลองคือเวลานอนลงไปแล้วแผ่นหลังจะต้องตรงหรือเอนงอได้นิดหน่อย แต่เวลาถ้าเราเอามือสอดตรงแผ่นหลังจะต้องเต็ม ( สอดมือได้ยากครับ ) ตรงนี้อาจจะup รูปมาให้ดูอีกทีครับ

ข้อควรระวัง
ถ้าเลือกที่นอนแน่นไปเวลาเรานอนลงไปแล้วอาจจะเจ็บตรงหัวไหล่ท่าชอบนอนตะแคง หรือตามข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย แต่ถ้าเลือกที่นอนนุ่มไปบางทีอาจจะเมื่อย ครับเวลานอน เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อ ออยากให้ดูที่นอนที่ออกแนว กลาง ๆ ก่อน แล้วค่อยไปลองตัวที่นุ่มกว่าหรือแน่นกว่า ตามความชอบครับ แล้วคุณจะได้คำตอบในใจว่าคุณชอบแบบไหน....เวลาลองที่นอนอยากให้ลองเอนนอนดูนะครับ อยาตัดสินใจว่าที่นอนตัวนี้ดี หรือ ไม่ดี จากการนั่ง หรือใช้เข่าทั้ง 2 ข้างกดครับ เพราะเวลาคุณนั่ง หรือ ใช้เข่ากด มันเป็นแรงที่กดทับแต่ 1 - 2 จุด แต่เวลาคุณนอนลงไปจริง ๆ มันคือการกระจายน้ำหนักทั้งตัวร่างกายครับ ซึ่งมันจะดูเหมือนว่าแน่นกว่าเดิม ไม่ได้จมหรือยวบเหมือนเวลาคุณนั่งหรือใช้เข้ากด

การเลือกที่นอนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าแพงที่สุดคือดีที่สุด แต่ที่นอนที่ดีคือเหมาะกับเราที่สุดทั้งความชอบส่วนตัวของคนนอนและการกะชับรับหลังของตัวที่นอน และรวมไปถึง สเป็กตัวของตัวที่นอนจะต้องคุ้มค่ากับค่าเงินที่เราจ่ายไปด้วยครับผม..

guest

Post : 2014-11-01 10:04:20.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การเลือกที่นอน

  ที่นอน มีผลอย่างมากต่อสุขภาพของผู้นอน ทั้งเรื่องสรีระและเรื่องโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ดังนั้น จึงควรรู้วิธีการเลือกลักษณะที่นอนอนตัดสินใจซื้อ 

  1 ที่นอนที่ดีนั้นไม่ควรนิ่มหรือแข็งเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงที่นอนแบบนิ่มมีโอกาสที่จะทำให้ปวดหลังได้มากกว่าแบบแข็ง ความแน่นของที่นอน (Firmness) ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เช่น คนที่รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนแน่นเป็นพิเศษ ที่นอนควรรองรับกับสภาพร่างกายได้ ชั้นโอบรับของที่นอน (Conformity) ต้องเข้ากับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้น นอกจากนั้นที่นอนควรรับน้ำหนักได้ดี ป้องกันการยุบตัว และไม่เกิดการลื่นไหลเวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอน 

   2 ชนิดของที่นอนมีหลายชนิด ทั้งที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์และวัสดุธรรมชาติ ควรเลือกชนิดที่มีความนุ่มพอเหมาะและมีสปริงโอบรับน้ำหนักร่างกาย ไม่มีแรงกดทับ วัสดุที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ไม่มีไรฝุ่น เมื่อใช้งานนานๆ แล้วไม่ยุบตัว สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความชื้นและเชื้อแบคทีเรีย ปลอกที่นอนสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย ในปัจจุบันนิยมใช้ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ ซึ่งมีคุณภาพสูง แต่ราคาแพง 

    3 เมื่อใช้ที่นอนนานเกิน 6 เดือน ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว จะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน 

    

     ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่กินเศษผิวหนังและรังแคเป็นอาหาร จึงพบมากในห้องห้องนอนและเครื่องนอนต่างๆ ที่ใช้งานมานาน ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ การเลือกที่นอน รวมทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ปลอดภัยได้มากขึ้น สามารถสอบถามจากผู้ขายหรือสังเกตคำว่า Microban Allergy Control สำหรับเป็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่น ถ้าไม่ได้ใช้ผ้าปูที่นอน หรือปลอกหมอนกันไรฝุ่น ควรซักผ้าด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น และทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน 

WWW.DEFERTHAI.COM

처음 이전 1 | 2 | 3

 Defer เตียงเหล็ก เฟอร์นิเจอร์เหล็ก  เฟอร์นิเจอร์ห้องนอน